หมู่บ้านผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง (Ban Tha Sawang Silk Weaving Village) จังหวัดสุรินทร์

ผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง จ.สุรินทร์


👉แนะนำสถานที่

     หมู่บ้านผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง หรือที่รู้จักกันในชื่อของ หมู่บ้านทอผ้าเอเปค เพราะที่นี่ได้รับการคัดเลือก เพื่อนำไปตัดเสื้อผู้นำและผ้าคลุมไหล่คู่สมรสผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจที่มาร่วมประชุมผู้นำเอเปคในปีพ.ศ. 2546 นั่นเองค่ะ โดยมีชื่อเสียงในเรื่องของ “ผ้าไหมทอหนึ่งพันสี่ร้อยสิบหกตะกอ” ซึ่งเป็นผลงานศิลปหัตถกรรมของกลุ่มทอผ้าไหมยกทองโบราณนี้ เป็นการทอผ้าที่มีลวดลายโดดเด่นสวยงาม ผสมผสานระหว่างลายของการทอสลับซ้อนดิ้นทองแบบราชสำนักกับเทคนิคการทอผ้าแบบพื้นบ้าน ทำให้กลายมาเป็นผ้าไหมยกทองโบราณที่มีความอ่อนช้อยวิจิตรงดงามนั่นเอง
   

📸ภาพถ่าย



แคมปิ้ง เต็นท์ และอุปกรณ์กางเต็นท์

แคมปิ้ง เก้าอี้พับ และอุปกรณ์กางเต็นท์

แคมปิ้ง ไฟ LED และอุปกรณ์กางเต็นท์

แคมปิ้ง ถุงอาบน้ำ และอุปกรณ์กางเต็นท์

📰เรื่องราว

    บ้านท่าสว่าง เป็นหมู่บ้านที่ได้รับการยกย่องว่า “ทอผ้าไหมหนึ่งพันสี่ร้อยสิบหกตะกอ” เมื่อครั้งทอผ้ายกทองทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากการริเริ่มของกลุ่มทอผ้ายกทอง “จันทร์โสมา” ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้ายกทองชั้นสูงแบบราชสำนักไทยโบราณ โดยมี อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย เป็นแกนนำและเป็นผู้รวบรวมชาวบ้านท่าสว่างมารวมกลุ่มกันทำงานทอผ้ายามว่างจากงานไร่งานนา



    ด้วยการออกแบบลวดลายที่สลับซับซ้อนงดงามและศักดิ์สิทธิ์ ผสมผสานกันระหว่างลวดลายการทอแบบราชสำนักกับเทคนิคการทอผ้าแบบพื้นบ้าน จนกลายเป็นผ้าทอที่มีความงดงามอย่างมหัศจรรย์และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ผลงานที่โดดเด่นของที่นี่ คือ การได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลให้ทอผ้าสำหรับตัดเสื้อผู้นำและผ้าคลุมไหล่สำหรับคู่สมรสผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจที่มาร่วมประชุมผู้นำเอเปกเมื่อปลายปี 2546 จนเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในชื่อ “หมู่บ้านทอผ้าเอเปก” และได้เป็น OTOP ระดับ 5 ดาว ของประเทศ


ที่ตั้งและการติดต่อ

แหล่งผลิต : กลุ่มทอผ้ายกทอง จันทร์โสมา บ้านท่าสว่าง อ. เมือง จ. สุรินทร์

โทร. 08 9202 7009, 0 4455 8489-90



    ผ้าไหมยกทองโบราณ เกิดจากการเลือกเส้นไหมน้อยที่เล็กและบางเบานำมาผ่านกรรมวิธีฟอก ต้ม แล้วย้อมสีธรรมชาติด้วยแม่สีหลักสามสี คือ สีแดงจากครั่ง สีเหลืองจากแก่นแกแล และสีครามจากเมล็ดคราม สอดแทรกการยกดอกด้วยไหมทองที่ทำจากเงินแท้ มารีดเป็นเส้นเล็ก ๆ ปั่นควบกับเส้นด้าย ใช้ตะกอเส้นพุ่งพิเศษที่ทำให้เกิดลายจำนวนตะกอมากกว่าร้อยตะกอ จนกระทั่งการวางกี่บนพื้นดินธรรมดามีความสูงไม่พอ ต้องขุดดินบริเวณนั้นให้เป็นหลุมลึกไป 2-3 เมตร เพื่อรองรับความยาวของตะกอที่ห้อยลงมาจากกี่ให้เป็นระเบียบ ให้คสามารถอยู่ในหลุมเพื่อสอดตะกอไม้ได้ด้วย เนื่องจากไม้ตะกอมีจำนวนมาก จึงต้องใช้คนทอถึง 4-5 คน คือ จะมีคนช่วยกตะกอ 2-3 คน คนสอดไม้ 1 คน และคนทออีก 1 คน และความซับซ้อนทางด้านเทคนิคการทอ ทำให้ได้ผลงานเพียงวันละ 6-7 ซม. เท่านั้น



    จ.สุรินทร์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีวัฒนธรรมการทอผ้าไหมมานานและได้สืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมมานาน จนเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่น่าสนใจยิ่งหากศึกษาอย่างลึกซึ่งแล้ว จะค้นพบเหตุผลหลายประการที่สนับสนุนว่า จ.สุรินทร์ มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองในเรื่องผ้าไหม ตลอดจนประเพณีวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อการผลิตและการทอ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของผ้าไหม การผลิตเส้นไหมน้อย และกรรมวิธีการทอ   จ.สุรินทร์ นิยมนำเส้นไหมขั้นหนึ่งหรือไหมน้อย (ภาษาเขมร เรียก “โซกซัก”) มาใช้ในการทอผ้า ไหมน้อยจะมีลักษณะเป็นผ้าไหมเส้นเล็ก เรียบ นิ่ม เวลาสวมใส่จะรู้สึกเย็นสบาย นอกจากนี้การทอผ้าไหมของ จ.สุรินทร์ ยังมีกรรมวิธีการทอที่สลับซับซ้อนและเป็นกรรมวิธีที่ยาก ซึ่งต้องใช้ความสามารถและความชำนาญจริง เช่น การทอผ้ามัดหมี่พร้อมยกดอกไปในตัว ซึ่งทำให้ผ้าไหมที่ได้เป็นผ้าเนื้อแน่นมีคุณค่า มีการทอที่เดียวใบประเทศไทย จนเป็นที่สนพระราชหฤทัยและเป็นที่ชื่นชอบของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยทรงรับสั่งว่า ใส่แล้วเย็นสบาย อีกทั้งยังใช้ฝีมือในการทออีกด้วย



  • ที่อยู่ : กลุ่มทอผ้ายกทอง จันทร์โสมา บ้านท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/xAHk9P8d45w3e35j7   
  • เปิดให้เข้าชม : สามารถเข้าชมได้ตามเวลาเปิดปิดของพื้นที่
  • โทร : -
  • เว็บไซต์ : -
  • ซื้อของฝากจากสุรินทร์ LAZADA  SHOPEE
 

📌แผนที่


🏕ที่พัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น